วิธีคิดเมื่อเริ่มสร้างตัวที่จะพาไปสู่ถนนเงินล้าน
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำคมที่ว่า อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา ใครจะรู้ว่ามันใช้ได้จริงของการเริ่มต้นสร้างธุรกิจหรือสร้างตัวในยุคนี้ ที่การแข่งขันสูงกว่ากำแพงเมืองจีน
เดี๋ยวเราลองมาวิเคราะห์กันว่าทำไมคำคมนี้ถึงสำคัญ เริ่มด้วยประโยคแรกกันก่อน "อย่าหมิ่นเงินน้อย" ประโยคแสนธรรมดานี้ทำให้หลายคนประสบความสำเร็จมานักต่อนักแล้ว แต่คนที่เพิ่งเริ่มสร้างธุรกิจส่วนมากมักจะพ่ายแพ้ให้กับประโยคนี้ มันคือกับดักชั้นดีที่จะดักให้เราหลงทางจนทำให้เรามองข้ามโลกของความจริงไป การเริ่มทำธุรกิจสิ่งแรกที่เราจะเจอเลยคือ การขาดทุน ถึงแม้ว่าเราอาจจะเคยลองเจ๊งในกระดาษมาบ้างแล้วแต่ในความเป็นจริงมันยากและซับซ้อนมากกว่านั้น ดังนั้นการเริ่มต้นนี่แหละจะเป็นตัดวัดใจไปเลยว่าคุณสู้มากแค่ไหน มันเพียงพอแล้วหรือยัง อย่าลืมเด็ดขาดว่ายังมีอีกหลายคนในสนามที่สู้มากกว่าและพยายามมากกว่าคุณ แต่ถ้าคุณคิดถอดใจแม้แต่นิดเดียวคุณก็จะเจอปัญหาใหญ่ทันที มาดูกรณีตัวอย่าง ในปัจจุบันตลาดของการซื้อขายของอุปโภคบริโภคมีการเติบโตเพื่อขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเติบโตขึ้นไปอีก
......."ปัจจัยสี่ยังคงสำคัญเสมอไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยและเราสามารถทำกำไรจากมันได้แม้ว่าส่วนต่างของเงินจะทำให้ปวดใจก็ตาม"..........
เป็นคำพูดของคนที่มองการณ์ไกลไปแล้วร้อยปีแสง แต่มันคือเรื่องจริง ลองคิดดูว่าคุณขายฟองน้ำล้างจานที่ราคาชิ้นละ 7 บาท โดยต้นทุน 5 บาท ส่วนต่างแค่ 2 บาท ซึ่งทุกบ้านต้องมีอย่างน้อย 1 ชิ้น ยกตัวอย่างคอนโดในประเทศไทยมี จำนวน 1,374,173 หน่วย (ข้อมูลอ้างอิง: https://www.terrabkk.com/articles/203724) ลองคิดแบบง่ายๆหากคุณขายแค่ฟองน้ำล้างจานแบบออนไลน์ บ้านทุกหลังต้องมีฟองน้ำล้างจาน มีอยู่ 10% ที่สนใจซื้อฟองน้ำคุณ คิดเป็น 1,374,173X 0.10=137,417.3 บาท หรือคิดให้น้อยกว่านั้นคือมีคนสนใจฟองน้ำคุณแค่ 2% = 27,483คน x 7 = 192,381 บาท หักต้นทุนชิ้นละ 5 บาท เหลือ 54,966 บาท แต่ถ้าคนที่มาซื้อของเราไม่ใช่แค่กลุ่มคนคอนโดเท่านั้นแต่ยังมีกลุ่มลูกค้าอื่นอีกที่มีแนวโน้วว่าจะซื้อลองคิดคำนวณกันเล่นๆ (แปะลิงค์จำนวนคอนโดในย่านต่างๆมาให้ข้างล่างแล้ว ลองเอาไปคำนวณให้ใจเต้นดู) เห็นไหมว่ากำไรแค่ชิ้นละ 2 บาทพอเป็น 2 บาทที่จำนวนมากๆก็จะกลายเป็นเงินแสนเงินล้านได้ในพริบตา ต่อให้คุณหักค่าธรรมเนียม 5% เหลือเงินสุทธิจริงๆ 52,217.7 บาท เราประมาทส่วนต่าง 2 บาทไม่ได้เลยจริงๆ พลังของการไม่หมิ่นเงินน้อยมันยิ่งใหญ่มากๆ ยิ่งเราเพิ่งเริ่มต้นขายของต้องยิ่งอดทนต่อความลำบากและความผันผวนอยู่ตลอดเวลา วิธีการคิดจึงสำคัญในส่วนนี้มากๆ หากคุณผ่านพายุลูกนี้ไปได้พายุลูกอื่นคุณจะทำได้ดีกว่าเดิม
ส่วนประโยคหลังที่ว่า อย่าคอยวาสนา หลายคนคิดว่าอย่านั่งคอยเวลา ปาฏิหารย์หรือผลลัพธ์อะไรใหม่ๆหากยังอยู่ที่เดิมทำเช่นเดิม ความหมายตามตัวคงแปลได้แบบนั้นแต่ในทางธุรกิจการ ไม่รอคอยเวลาหรือรอคอยจังหวะต่างๆ แต่เน้นการทำแบบต่อเนื่องสม่ำเสมอคือการไม่รอคอยวาสนาที่แท้จริง อาจจะสงสัยกันว่า เรื่องจังหวะเวลาเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกันนี่นา นั่นก็ถูกแต่ไม่ทั้งหมดคนที่ประสบความสำเร็จแท้จริงแล้วพวกเขาเหล่านั่นไม่ได้นั่งรอหรือตั้งหน้าตั้งตารอจังหวะเหล่านั้น แต่สิ่งที่พวกเขาทำคือการฝึกฝน พัฒนาอยู่สม่ำเสมอเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสที่มาอย่างกระทันหันหรือไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ และเมื่อมันมาถึง พวกเขาที่เตรียมพร้อมอยู่เสมอก็จะรีบคว้าโอกาสดีๆนั้นไว้แต่มันก็ตกเป็นของพวกเขาทันที หากพูดได้อีกอย่างง่ายๆคือ โอกาสและจังหวะเวลามักเป็นของคนที่พร้อมกว่าเสมอ ดังนั้นไม่ว่าเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหนขอให้คิดก่อนเลยว่า มันคือแบบฝึกหัดประจำวันฝึกทำไปเรื่อยๆ เช่นวันนี้อาจจะขายได้ไม่ได้แต่เรารู้จุดบกพร่องแล้ววันต่อไปเราก็แก้ไขและปรับไปเรื่อยๆจนวันหนึ่งเราจะได้รับโอกาสทองนั้นเอง
ทั้งหมดที่กล่าวมานั่นเป็นวิธีการคิดว่าแท้จริงแล้วปัญหาในชีวิตที่เจอมักจะมีรูปแบบเปลี่ยนไปเสมออยู่ที่ว่าเราเตรียมพร้อมรับมือทั้งกายทั้งใจมากแค่ไหน อย่าลืมว่าในยุคของการแข่งขันวิธีคิดที่ดีถือว่าเป็นข้อได้เปรียบใหญ่ที่สุดในธุรกิจ
คำคมนี้ไม่ได้แค่ใช้ได้กับเรื่องธุรกิจเท่านั้น แต่ในเรื่องการเงิน การประหยัด การแก้หนี้ก็ใช้ได้เช่นกัน หากไม่อยากพลาดทริคดีๆแบบนี้อย่าลืมกดรับข่าวสารไว้ด้วยน้า
หมายเหตุ แหล่งที่มาข้อมูลคอนโด: https://www.thaiapartment.com/condobylocation_th ตัวเลขอาจคลาดเคลื่อนได้ตามข้อมูลการอัพเดทล่าสุด
ผู้เขียน คุณเค